วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

ตนที่ใช่ สู่สำเร็จ EP.1 Debut Part2/2

   

     ช่วงที่ไม่มีงาน งานหดหาย ผมจึงตัดสินใจเพิ่มเวลาที่ว่าง ไม่ให้เกิดสูญเปล่าจึงตัดสินใจ
 เข้าสัมมนา เกี่ยวกับเรื่องหลักการใช้ชีวิต และบุคคลที่ประสบความสำเร็จ เขาคิดอย่างไร
 เขามีวิธีการไหนกันแน่ ระหว่างนั้น มีเขียนจดหมายเรื่องของความรักของผม ให้กับ
 รายการคลับฟลายเดย์ โดยมี ดีเจอ้อย และ ดีเจฉ็อด ดำเนินรายการ จากนั้น ก็ตั้งกระทู้ให้กับ
 เว็บหนึ่ง เป็นนักสร้างแรงบันดาลใจ ด้านหลักการใช้ชีวิต คุณป็อบ และ คุณนัท ก็ตั้งเรื่องนั้น
 ชื่อเรื่องว่า ความรัก มันอยู่ที่ หน้าตา หรือ จิตใจ กันแน่ มันดูเลวร้ายนะ แต่จำเป็นต้องเขียนเพื่อ
 ความสบายใจ



   จากนั้นเป็นต้นมา ผมทุ่มเงินทั้งหมด ให้กับสัมมนา นับตั้งแต่นั้น เป็นเวลา 2เดือนกว่า กว่าจะหา
 ตนเองเจอ และหาความชัดเจน ช่วงปลายปี 2558 อยู่ที่ เดือน 10 ผมจังประกาศอำลา ด้วยความสุดท้าย
 เป็นข้อความของบุคคลหนึ่ง ซึ่งมาด่าโพสต์ผมผ่านเฟส ช่วงต้นปี 2558 และทำให้ผมเสียใจมาก ก็เลย
 โพสต์ให้รู้แล้วรู้รอดไป และมีคนให้กำลังใจแค่บางส่วนเท่านั้น วันต่อมา โค้ชสอง ส่งข้อความมาหา
 ตัวผม ไม่รู้ว่า ไปรู้ข่าวจากใครมาก หรือเห็นเอง เขาบอกว่า

    “มีเซอร์ไพร์สพิเศษ มอบให้ ถ้าสนใจ Inbox มาครับ”

   ผมทั้งชื่อ และเบอร์โทร ไปที่หน้าเพจน์นั้นจริงๆ และโทรกลับหาผมทันที ทันใดนั้นมีประโยค
 แว๊บ เข้ามา เป็นบท ทดสอบชีวิต และแล้ว ผมก็รู้สึกว่า “- - มันจะไหวเหรอ ค่ายทรหด แบบนั้น”
 น้ำตาจิไหล มาก ตกเย็น ทีมงาน ของ โค้ชสอง โทรมาให้เตรียมตัว ผมจึงตัดสินใจแพ็คของเสื้อผ้า
 เท่าที่จำเป็น เพราะค่ายทรหดนั้น ใช้ระยะเวลา 3วัน2คืน ในระหว่างนั้น ก็มีบททดสอบ หลายด่าน
 แทบกระดูกจะหัด ก็เป็นได้ ตอนท่องกฎนักรบ โค้ชสอง เคร่งเครียดมาก พอถึงตัวผม โดนจับเรียกมาคุย
 ทั้งแบบ โหด เหี้ยม แต่ทว่า เขาหวังดีเพื่อเรา ได้มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ผมสื่อความว่าอย่างนั้น
 ไปจนถึงวันสุดท้ายของค่ายทรหด ได้ทั้งพลังงาน พลังใจ และมิตรภาพที่มีต่อค่าย ทรหดนั้น เพิ่มขึ้น

  ไปจนถึง เดือนสุดท้ายของปี 2558 ภายหลังจาก จบจากสัมมนา NLP เบื้องต้น ของ
โค้ชวันชัย ประชาเรืองวิทย์ ผมได้ความชัดเจนแล้วว่า ต่อจากนี้ไป จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในขณะที่
 มีความหวังใหม่เปร่งแสงขึ้น กำลังไปต่อแล้ว ในช่วงก่อนคริสต์มาส น้องชายของผม มาปรากฏ
 ที่ทำงาน มาเยี่ยมเยียน ถึงที่ ผมเกิดรู้สึก o.o ตกใจหนักมาก และถือโอกาสดี
 ที่จะได้เคลียร์กับเขา เหมือนได้โค้ชชิ่งกับเค้าโดยตรง เกี่ยวกับเรื่องที่มาแย่งความรักหมดทั้งครอบครัว
 ทั้งที่ความจริง แค่มาอยู่กับพ่อเท่านั้นเอง ปล่อยให้ผมเข้าใจผิดเป็นเวลานาน
 และในที่สุด ทุกอย่างก็จบ ตัวผมนอนตายตากลับสบาย ตื่นมา ได้พบกับวันที่สดใส
 และได้ค้นพบ ตัวตนด้านใน Mirror Value อย่างแท้จริง เป้าหมายชัดเจนขึ้นแล้วคือ
 การเป็นโค้ช หรือ Coaching นี่เอง

   ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะมีคนดูถูกดูแคลนมากก็ตาม หรือไม่มีแม้กระทั่งคนสนใจคุณ
 ผมมีความเชื่อว่า สักวันหนึ่งจะได้เห็นคุณงามความดีของตัวผม อีกสักครั้ง ความสำเร็จที่เกิดขึ้น
 อาจมีเงื่อนไขมากก็ตาม ผมทะยายขึ้นไป ให้เท่ากับ พลังงานความเร็วแสง ด้วย
 บทพิสูจน์ของหัวใจ ให้คนที่ดูถูกหรือเคยต่อต้านเราว่า
   “….ฉันทำได้”
  “…..ฉันสามารถ”
  “ฉันสามารถส่งคุณค่าที่ได้ผลลัพธ์นั้นแล้ว บอกต่อกับคนอื่นโดยการโค้ชได้!!!!

 ฟังดู มัน ใหญ่ มาก แต่ผมจริงจังกับนั้น และ ท่องกับตนเองในปลายทางนั้น ทุกวัน………


 





 


ตนที่ใช่ สู่สำเร็จ EP.1 Debut Part1/2




ผม โจ เป็น Mirror Value Inspiration นักสร้างแรงบันดาลใจ ในเรื่อง คุณค่าของตัวตนภายใน
 เกิดวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2532 ราศี สิงห์ ปีนักษัตร มะเส็ง 
อุปนิสัย โดยรวม เป็นคนจริงจัง วิสัยทัศน์กว้าง เข้าใจคนทุกประเภท
จุดเด่นในตัวตน คือ มุ่งมานะ ยิ้มเก่งเมื่อเจอคนที่ดีต่อเรา
จุดแข็งในตัวตน คือ ทุ่มกับเป้าหมายที่ทำ และสร้างคุณค่าเกิดมูลค่าสูงสุด

   ก่อนเป็นโค้ช เคยเป็นนักเต้นมือสมัครเล่นมาก่อน เริ่มแรก ซ้อมเต้นไปงั้นๆ
แต่พอเอาจริง ก็มีคนทึ่งตกตะลึ่งบ้าง แรกๆก็ทึ่ง แต่ระยะหลังก็มีเสียงคนที่มาดูถูกดูแคลน เยอะมาก
ตั้งแต่ตอนทำชีวประวัติตัวผม เอาไปลงยูทูป ในขณะนั้น มีความรู้สึกว่า

 “ทำไมต้องว่าผม ด้วย ผมไปทำอะไรให้คุณหนักอกหนักใจหรือเปล่า”

 ภายหลังจากนั้น ก็มีการเริ่มแข่งเต้น ในเวที S’club star cover dance
ในช่วงวันที่ 4 เมษายน ปี 2554 หลังจากที่เสร็จจากการประกวดนี้เสร็จ เดือนถัดมา
ผมไปประกวดร้องเพลง บนเวทีรอบออดิชั่นหลายรายการ เช่น ทรู เอเอฟซีซั่น8
 เคพีเอ็น21 เดอะสตาร์ปี8 ปี9 โชมิวสิคจากบริษัทอาร์เอส
ประกวดวีเจ จากChannel V Thailand เดอะว้อยด์2
ไทยแลนด์ก็อตซีซั่น4 KeepYour light และ ล่าสุด ซีซั่น5 ซึ่งเป็นเวทีสุดท้าย ถามว่า เข้ารอบมั้ย

  ตอบได้ว่า “ที่พูดมาทั้งหมด ตกรอบทุกเวที ครับ”

แต่มีเวทีที่ แสนประทับใจ และทำเต็มร้อยซ้อมเต็มร้อย แล้ว คือ เวที ไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์ ซีซั่น5
ผมใช้เวลาซ้อมทุกวัน ตอนเย็นจนเกือบ5ทุ่ม ใกล้เที่ยงคืน เล่าเรื่องนั้นไป ก็สะเทือนใจมากขึ้น ทำให้เกิด
ปลุกพลังในตัวตนเรา มากขึ้น จนกระทั่ง ช่วงวันที่ 1 เดือน 5 ปี 2558

   ตัวผมตื่นนอน ตั้งแต่ตอน ตี5 ออกจากบ้าน 6 โมงกว่า ไปถึงอักษระคิงพาวเวอร์ ช่วง 8 โมงเช้า และมีติดสติ๊กเกอร์เบอร์ผู้ประกวด มีการต่อคิว มีเม้าท์ทูเม้าท์ กับผู้เข้าประกวดด้วยกัน เกี่ยวกับประสบการณ์ผม และเวทีการประกวดอื่นๆอีกด้วย ถึงเวลาออดิชั่นจริงๆ เป็นช่วงเวลาเกือบ 5 โมงเย็นครับ ผมมองว่า ผู้เข้าประกวด ส่วนใหญ่แล้ว เป็นทีมทั้งนั้น ถึงเวทีจริง ผมเล่าในทำนองว่า

   “ มีเด็กคนหนึ่ง ซึ่งเกิดมาจาก ต้นตระกูลที่บกพร่องมาตั้งแต่เด็ก คือ พ่อแม่แยกทางกัน ตอนเด็ก
  ทุกข์ทรมาน เลื่อยมาตลอดจน เหตุการณ์ช่วงหนึ่ง ได้เกิดเรื่องกับตัวผม จากคู่กรณีตนหนึ่ง
 เขามาต่อว่าผม ว่า ค้ายา เมายา เท่านั้นไม่พอ แถมมีล้อถึง  ครอบครัวของผมด้วย ไม่เข้าใจว่า
เป็นโรคอะไรกัน ถึงต้องมาล้อเลียน ต่อว่าบั่นทอนจิตใจ ผมด้วย .......... ตลอดจน
ผมเอาลูกบอกไปเฟี้ยงใส่เค้า ต่อหน้าห้องปกครอง ทำให้เกิดอาจารย์ห้องปกครองไม่พอใจ ในตัวผม
โทรเรียกคนที่บ้าน เรียกคนขับรถไปรับผม จนเสียโอกาสการเรียนไป ครึ่งวัน…………..

  พอบอกเล่าเรื่องได้ไม่นาน คณะกรรม กดกากาบาท ติ๊ด....! ติ๊ด....! ติ๊ด.....! ติ๊ด…..! จบ
  สิ่งที่เกิดขึ้น คือ คณะกรรมทั้ง4 คน พูดเป็นเสียงพร้อมกันว่า “ยัง ไม่ผ่าน”
  แค่นั้นล่ะ ทำให้ผม Fell ทันที
  วันถัดมา ก็หันมาเข้าโบถส์เพื่อทบทวน สิ่งเกิดขึ้นในคราวนั้น จากนั้นมาเข้าเดือนหก
 ก็เกิดสิ่งที่เลวร้ายตามมา คือ ที่ทำงานถูกกระทบ ด้วย วิกฤตฟองสบู่แตก ราคาทองลง หุ้นตก
 และทันใดนั้นงานน้อย ไม่มีใครจ้างงานการแสดงให้ผมแล้ว
 ผมรู้สึกเหงา และเครียดด้วย กำลังจะให้เวลากับพ่อ ก่อนที่ไม่มีโอกาส ทันใดนั้น พ่อเห็นผมเข้า
 หนีเลย และเวลาถัดมา อีกสัปดาห์หนึ่ง ผมตัดหัวตนเองให้โล้น เพื่อล้างสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
 ออกไป 


To be Continue

วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2559

รู้จักตนเองด้วย K.V.Y. System



  มีหลักสูตรหนึ่ง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อสำหรับคนที่อยากจะรู้จักตนเอง พัฒนาตนเอง และสร้างความชัดเจนในตัวตน ภายใต้แนวคิดศาสตร์การโค้ช ของ โค้ชโจ Mirror Value Coach นั่นก็คือ



       ประวัติความเป็นมาของ K.V.Y. System

           K.V.Y. System เกิดจาก สรรพนาม คำหนึ่ง เป็นทำไทยแท้ เรียกว่า คอ วอ ยอ ซึ่งเป็นหลักการแสวงหาความรู้ สู่วิธีคิด มีวิสัยทัศน์กว้าง และมีจุดยืนที่มีความยืนหยัดชัดเจนในตัวตน โดยการรู้จักตนเอง ซึ่งสมัยก่อน ณ.ช่วงเวลานั้น ซึ่งแปลความมาจากนักวิชาการ ที่แปลความว่า คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แต่ได้ถูกเอานำไปใช้ในหลักธรรม ภายใต้แนวคิดแบบ วิภัชชวาท ที่ใช้ใน หลักการคิดอย่างมีสติ วิเคราะห์ แยกแยะจำแนก สาร และ สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงของชีวิต และ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างๆที่มีผลกระทบต่อตัวตนของเรา ให้เกิดทางออกด้วย แนวทางการคิด โยนิโส มนสิการ และมีการตั้งเวทีเสวนา เกิดขึ้น ด้วยความที่กระแสในคำนั้น เงียบหายไป จึงมีการคิดค้น หลักการที่จะโค้ชให้ คนที่อยากรู้จักตนเอง ในคุณค่าแห่งการยอมรับในสิ่งที่ตนเป็น จึงหยิบยกคำนี้ กลับมาใช้อีกครั้ง ด้วย คำว่า

           - Knowless Thinker
           - Vision
           - Yes sir! To Yet

      นั่นเอง และเป็นสูตร ของการโค้ชที่นำพา พลิกชีวิต ผู้คนได้รู้จักตนเองมากขึ้น และสามารถชัดเจนในตัวตนอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งนำพาไปสู่ขั้น การสร้างสัมพันธ์ ปลุกพลัง และ ลงมือทำ และทำให้ชีวิตคุณไปต่อได้ จนกว่าจะได้พบกับความสำเร็จที่น่าทึ่ง และไม่เคยเจอมาก่อน นอกจากนี้

    ระบบ K.V.Y. System หรือ เรียกอีกในหนึ่งว่า

        Kor (ค) คือ Knowless thinker กระบวนแสวงหาความรู้ ด้วยวิธีคิด
        Vor (ว) คือ Vision สร้างวิสัยทัศน์
        Yor (ย) คือ Yes sir! To Yet การค้นพบชัดเจนในตัวตน

    ค.ว.ย ในสมัยก่อน อาจจะเป็น วาทศิลป์ ในสื่อสารที่ไม่สุภาพสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ ทำการได้ยินกันมา เป็นคำด่าทอ บั่นทอน ต่อว่า ในสถานการณ์ที่ ไม่ได้ดั่งใจใครยิ่งนัก หรือใช้ในการมั่นไส้ด่าคนรอบข้างก็มี ทุกวันนี้ ยังใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง แต่ในทางกลับกัน ก็มีการใช้คำนั้น ถูกเอามาใช้เป็นศัพท์เชิงวิชาการ โดยทั่วไปนั้น ค.ว.ย. แปลความว่า คิด วิเคราะห์ แยะแยก

        คำว่า ค ว ย มาได้ยังไง ซึ่งคำนี้ มักก่อให้เกิดปัญหาในสังคม แม้แต่นักการเมือง นักวิชาการ แม้แต่นักวิทยาศาสตร์เชิงจิตวิทยา ยังมีการถกเถียง แบบไม่จบไม่สิ้น ในขณะนั้นเอง และมีการประชุมหลายๆรอบ จนตั้งเวทีเสวนาเกิดขึ้น ทำให้สรุปได้ชัดว่า ค ว ย คือ หลักการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ
       ในปี2552 ช่วงกลางปี ขณะเดียวกัน ก็มีการตั้งกระทู้ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่อง ค.ว.ย. มีผู้เขียนท่านหนึ่ง ได้เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับหลักการนี้ ซึ่งทำให้ที่ประชุม ตกตะลึงว่า คำสรรพนามสิ่งนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะแปลเป็น ศาสตร์แห่งความรู้ได้ แต่ทว่า ก่อนหน้านั้น ได้นำเรื่องนั้น ออกมาทำเป็นเพลงอีกด้วย อาทิ
         เพลง ค ว ย ศิลปิน Cruel Pistol ที่ร่วมทีมกับ ดาจิม แร๊พไทย
         เพลง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ศิลปิน คุณเชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโร่ ซึ่งปัจจุบันเป็นอาชีพ เกษตรกร

    ในขณะเดียวกัน ปี 2554 ช่วงกลางปี ค ว ย นอกเหนือจาก มีความหมายว่า คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แล้ว ยังสื่อถึงความหมายอื่นที่ไม่คาดคิดอีกมากมาย ทำให้เกิดข้อสงสัยเกิดขึ้น ซึ่งมากจากเว็บไซด์ชื่อเว็บหนึ่ง หยิบหยกคำนี้มาตั้งกระทู้ อาทิ

          ค ว ย คือ คุณค่า วิตามิน ใยอาหาร
                         คอย เวลา เยื่อใย
                         คณะกรรมการวิจารณ์เพลงหยาบคาย
                         คิดถึง ไว้ใจ ยังรัก
                         คิดดี มีคุณภาพ วิสัยทัศน์กว้าง ยุติธรรม
                         คบหา วิวาห์ หย่าร้าง

   ซึ่ง มีหลายเว็บแปลความ จากคำนั้น ได้อย่างสร้างสรรค์ และทำให้ยอดขายบทความนั้นกระจายไปชั่วข้ามคืน แต่ยอดการค้นหา ก็ไม่สามารถเป็นกระแสได้อย่างตลอด เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจสิ่งนั้น และยังมองคำนั้นไปทางที่ ไม่เหมาะสมอยู่ดี ไม่แปลกที่ มีคนหลายกลุ่มที่มีความคิดเห็นที่ หลากหลาย ร้อยพ่อพันธุ์แม่ อยากให้วิเคราะห์เป็นสองแง่สองมุม

     และ ในปี 2557 ณ.ปีนั้น ได้มีการสรุปความ เกี่ยวกับ หลักการ ค ว ย อีกครั้ง ภายใต้แนวคิด ศาสตร์แห่งความรู้ของ วิภัชชวาท ซึ่ง แปลความว่า คิด วิเคราะห์ แยกแยะ เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจ ในขณะเดียวกันคือ เขาใช้หลักการทางธรรมะ เข้ามาเติมเต็ม แนวคิดในคำนี้ ด้วยการ กระบวนการคิด ส่งผลต่อการวิเคราะห์ ก่อให้เกิดประมวล แยะแยก และจำแนก สาร หรือ เนื้อหา สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง ออกไป ด้วย หลักการคิดแบบ โยนิโส มนสิการ เป็นแหล่งอ้างอิง ซึ่งทำให้สังคมไทย เข้าใจส่วนหนึ่ง และ ทำให้บทความนี้ดังไปชั่วข้ามคืน แต่ยังไม่มีใคร หรือ โค้ชคนไหน ถูกเอาออกมาใช้สิ่งนั้นได้เลย

       ในขณะนี้ ได้ถูกใช้กลายเป็นศาสตร์การโค้ช ที่จะตั้งระบบ K.V.Y. System ภายใต้แนวคิด ของ
  โค้ชโจ Mirror Value Coach จะเกิดอะไรขึ้นต่อการนำเรื่องนี้สำหรับ ผู้ที่ต้องการพลิกชีวิตในการรู้จักตนเอง ด้วย ค.ว.ย. และใช้หลักการใดที่สามารถวัดค่าได้ ทำให้รู้จักตนเองให้ดีขึ้น อย่างไร

          วัตถุประสงค์ของ ศาสตร์การโค้ชด้วย K.V.Y. System Coaching
     1. แสวงหาความรู้ และเสริมวิธีคิดของตัวตนของเรา ให้อยู่ในเชิง ข้อเท็จจริงของชีวิต
     2. จัดการตนเอง โดยการวิเคราะห์ถึง วิสัยทัศน์ การมองไกล หรือ ภาพของตัวคุณ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้ตนเอง
     3.หาความชัดเจนในตัวตน ถึง ความต้องการ ที่จะประสบความสำเร็จ ในแบบที่ควรจะเป็น ว่าอยากจะทำอะไรให้เป็นจริง ในชีวิต ทำให้มีความสุข 100%

    ดังนั้น K.V.Y. System หรือ ค ว ย ในศาสตร์แห่งการโค้ช แปลความนี้ว่า คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แต่เรียกอีกในหนึ่งเป็น หลักการ คิด เห็น ชัด
           - หลักการแสวงหาความรู้ เสริมวิธีคิด เพื่อการพัฒนา
           - จับวิสัยทัศน์ ถึงตัวตน และปลุกศักยภาพ
           - ชัดเจนในตัวตน ถึงความต้องการที่แท้จริง ที่ยังคงทำสิ่งนั้น เป็นจริง
    
   สรุป  หลักการ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ได้เพิ่มอีกความหมายหนึ่ง ในศาสตร์แห่งการโค้ช ว่า
     แสวงหาความรู้ สู่วิธีคิด ที่วิสัยทัศน์ สู่ความชัดเจนในตัวตน K.V.Y. System จึงเป็นระบบที่ทำได้จริง และทำไปแล้ว ด้วยหลักการรู้จักตนเอง ในคุณค่าแห่งการยอมรับในสิ่งที่ตนเป็น อีกขั้นหนึ่ง ซึ่งระบบนี้สามารถ ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ด้วยการวิเคราะห์ การหาทางแก้ และการใช้เวลากับตนเอง ได้

หลักสูตรอบรม/คอร์ชเรียนสัมมนา



         หลักการสำคัญ ในการสร้างตัวตน ที่จะช่วยพลิกชีวิต ให้ใครสักคนหนึ่งที่ต้องรู้จักตนเอง หรือใครแล้วแต่ที่มีความรู้สึกยังไม่แน่นอนกับชีวิต ว่าจะไปต่อยังไงหลังจากนี้ สิ่งนั้น เรียกว่า กลยุทธ์สร้างจุดยืนให้คุณค้นพบในแบบที่ใช่สำหรับคุณ เรียกว่า กลยุทธ์JOKER อาทิ

       - Just mirror value (หลักการวิเคราะห์ตนเองจากภายใน)
       - Q Sean lover (หลักการสร้างสัมพันธ์)
       - Energy Kinder (หลักการปลุกพลัง เพิ่มศักยภาพ)
       - Action Focus (หลักการลงมือทำ การตั้งหมาย)

   นอกจากนี้ ยังมีหลักการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ที่บางซีรี่ย์ บางเนื้อหา อาจจะไม่ได้เอาออกมาสอนทีเดียว แต่เป็นการให้คุณภาพชีวิต รวมถึงประสบการณ์ของโค้ชที่ เจอมา หรือ สูตรบางอย่าง ที่สามารถทำได้จริง และทำไปแล้ว คือ

     - NLP get problem of my sight หลักการนั้น จะไม่ได้ทำการสอน แต่จะให้ในเรื่องวิเคราะห์ปัญหา จากความต้องการที่จะไปต่อในทิศทางที่ดี หรือถูกข่มใจ จากอดีตที่แช่แข็งมานาน และแก้ไม่ตก มีหลายระดับของเรื่อง ตั้งแต่ 3เดือน 6เดือน หรือ 10ปี และนานกว่านั้น เกิดขึ้นโดยตัวคุณเอง คนรัก ครอบครัวในบางคนที่ไม่ชอบเราและเกิดขัดแย้ง เพื่อนสนิท หรือ คู่กรณีในสมัยเรียน เป็นต้น มักจะเกิดปัญหารั้งคุณไว้ไม่ให้ไปต่อ

    - Stranding Online Business หลักการที่ใช้ สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ขายของ ทางเน็ต ทั้งหลาย ไม่ว่าจะขายในเว็บส่วนตัวของคุณ เว็บร้านค้า ขายในเฟชบุ๊ค หรือขายผ่านทาง YouTube ไลน์ หรือ อินสตราแกรม ก็ดี บ่อยครั้งจะเกิดปัญหาในเรื่อง โฆษณาลงไปแล้ว ไลค์ เม้นท์ แชร์ ไปแล้ว และไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ ส่วนนี้ โค้ชจะวิเคราะห์ในตัวสินค้าโดยตรง ว่าสินค้าที่คุณขายเป็นแนวไหน และ อยู่ในตลาดNeed หรือไม่ อาจจะต้องลงรายละเอียดวัตถุประสงค์ของตัวสินค้านั้น ตลอดจน การทำContent ตัวบทความที่เกี่ยวข้องกับสินค้า รวมถึง Keyword ที่ใช้ในการประกอบการซื้อการขาย รวมถึงการให้เครดิตใคร ในการปิดท้ายเนื้อหา และปิดการขาย อีกด้วย

    - Dianetics Life coaching หลักการใช้ ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ คือ การรู้จักตนเองไปในอีกขั้นหนึ่ง ของการดำรงชีวิต ที่ใช้ในการวิเคราะห์ อารมณ์ ความรู้สึก รวมไปถึง ความเจ็บปวดต่างๆ ที่อาจจะตั้งแต่เกิด หรือ เกิดขึ้น ณ.โมเมนหนึ่ง ที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่อยากทำต่อ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การออกกำลังกาย รวมถึง เหตุการณ์ หรือเรื่องราวต่างๆที่หลอกหลอน ฝังใจ จับจด ทำให้รู้สึกกลัว ทำให้สมหวังนิดเดียว เกิดใช้อารมณ์อย่างไร้เหตุผล เกลียดแบบเข้ากระดูก เหตุการณ์ที่สูญเสียถึงขั้นร้ายแรง ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจ ผลต่อชีวิตที่ไม่สามารถไปต่อได้ ทำให้สูญเสียความมั่นใจ และ ความเป็นตัวเราเอง ในส่วนนี้ โค้ชจะให้เป็นเชิงคำถามคุณภาพชีวิต ช่วยทำให้อดีตแช่แข็ง ออกทันที จะสามารถอนุญาตให้ตนเอง มีความสุขได้ ชื่นชมตนเอง ขอบคุณตนเอง ทุกวัน

    -7 Cross choice to Yes sir หลักการทางเลือก7งานสร้างชีวิตในแบบที่ใช่ ส่วนนี้ ไม่ได้ทำการสอน แต่เป็นการให้คำแนะนำ การลงทุนต่างๆ กับงานสร้างชีวิตที่จะพาผู้ที่ตั้งใจจริง ได้มี Passive Income ที่มีอิสรภาพ เวลางาน และเงิน ครอบครัว เพื่อนฝูง และ ตนเองจะได้มีชีวิตที่ มั่นคง และ มั่งคั่ง ตลอดไป ทางเลือกที่เข้ากับตนมากที่สุด และเหมาะสมสำหรับคุณในการสร้างชีวิตใหม่ อาทิ ธุรกิจออนไลน์ บริการทั่วไป แฟรนไชต์ การลงทุนด้วยหุ้น การลงทุนเข้าอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนธุรกิจเครือข่าย งานขายข้อมูลและความรู้เฉพาะทาง ซึ่งสรรพสิ่งนี้ จะทำให้คุณได้สินใจและพิจารณาในแนวทาง อันเหมาะสมในแบบที่ใช่ และเป็นไปได้
  นอกจากนี้ ยังจะมี คำคมจากนักสร้างแรงบันดาลใจ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ นำมาแชร์ประสบการณ์ และวิธีคิด ของบุคคลผู้ประสบความสำเร็จ ของแต่ละคนอีกด้วย 

กว่าจะเป็นโค้ช




   ทำไมถึงจะเป็น โค้ช  ???

   โค้ชปล่อยโอกาส ไปครั้งหนึ่ง เมื่อ10ปีที่แล้ว โค้ชเคยแพ้ เพราะเสียงคำดูถูกจากคนอื่น เป็นเวลานานแสนนาน แต่ทว่า ผมยังลุกขึ้นสู้ชีวิตด้วยใจไม่ยอมแพ้ ผมคาดหวังไว้เสมอว่า สักวันหนึ่งจะประสบความสำเร็จทุกอย่าง อะไรก็ได้ ที่สามารถทำให้ผู้คนหยุดดูถูกดูแคลน ด่าว่าปั่นทอนหัวใจ และช่วงนั้นไม่ค่อยชัดเจน ขณะนั้นเอง โค้ชมุ่งหาความฝัน อยากจะแสดงบนเวที โดยการโชว์เต้น และประกวดร้องเพลง โค้ชใช้เวลานั้นตั้งแต่ ปี 2554จนถึง2556 3ปีเต็มในช่วงนั้น สุดท้ายมันไม่ใช่ดั่งใจคิด ก็เลยเลิกไป ตอนเรียนจบและรับปริญญา แล้วหลังจากนั้นก็หันมาทำงานประจำ ในด้านการสื่อสารและการบริการ น่าเสียดายที่ไปได้สวยแล้ว ผมก็เลยช่วยงานทางบ้าน เป็นกิจการทำเครื่องประดับทำส่งทั่วไป เงินเดือนก็ดีนะ แต่ในระยะหลังที่เกิดช่วง2ปีสุดท้าย ในปี 2557 โค้ชเคยลงทุนให้กับธุรกิจเครือข่าย และล้มแบบไม่เป็นท่าเปลี่ยนแนวทางเปลี่ยนเลื่อยมาสามที่แล้ว และในปี 2558 ที่ทำงานทางบ้านมีปัญหา งานหด โค้ชใช้เวลาที่เว้นว่างนั้น ไปเข้าอบรมสัมมนา เป็นระยะเวลา 2เดือนเศษ ตั้งแต่ช่วงปลายมิถุนายน เข้าฟังทั้งเสียเงินและเข้าฟรี เป็นระยะต่อเนื่องและนับไม่ถ้วน จนกระทั่งได้รู้จักตนเองว่า เรามีจุดเด่นอะไร มีดีอะไรที่มองไม่เห็น และสามารถแบ่งปันสิ่งนั้นให้กับคนอื่นสืบต่อกันได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจ เป็นโค้ช โค้ชปล่อยเวลา รอโอกาสนั้นมานานแล้ว และโค้ชจะไม่ปล่อยโอกาสนั้น หลุดเลยและละเลยไป เป็นครั้งสอง อีกต่อไป นี่คือโอกาสของจริงซึ่งโค้ชต้องพิสูจน์ ว่า “หน้าตาไม่ใช่อุปสรรคบนเส้นทางความสำเร็จ” 

      แน่ใจไหม ว่า แนวทาง การโค้ช คือ คุณแน่นอน ???

   โค้ชแน่ใจ และ ผมจะดำเนินเส้นทางนี้ อย่างเต็มร้อย แม้คนอื่นจะไม่ยอมรับในระยะแรก จนระยะกลางบ้าง ตราบใดถ้าหัวใจของโค้ช ยังไม่หยุดหายใจ หรือล้มเลิกซะก่อน ผมจะพัฒนา หาความชัดเจน และเรียนรู้จากการโค้ชตลอดเวลา ต้องมีสักคนที่จะต้องเข้าใจในสิ่งที่โค้ชได้ให้ คุณภาพชีวิต และ วิธีการรวมวิธีคิด อีกด้วย นี่คือ สิ่งที่กำลังทำ และพร้อมที่จะมอบให้ นักศึกษาที่มีความตั้งใจที่อยากสำเร็จ หรือ คนที่จบใหม่และยังไม่แน่นอนกับชีวิต นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการจะให้ โดยไม่มุ่งหวัง แต่เป็นการทำให้เห็นภาพ ความชัดเจนในตัวตน เท่านั้น

     ก่อนที่จะเป็น โค้ช เคยมีผลงานอะไรมาก่อน 


   โค้ชเคยทำเพลงของตัวเอง แต่ไม่ถึงกับมืออาชีพเท่าไหร่ แค่มือสมัครเล่น และเคยเกาะติดเรื่องของคนบันเทิง ในแนวป็อบ หรือแนวที่คนนิยมฟัง โค้ชเคยประกวดร้องเพลงมาหลายรายการ แต่ไม่ติด สักเวที บางรายการก็มีออกทีวี เป็นบางครั้งบางคราว โค้ชเคยร่วมงานกับศิลปิน อีกด้วยอย่าง ปี2557
       ถ่ายเอ็มวี เพลง Love Never Felt So Good-Michael Jackson (Ver.Thaifans) กับค่าย BEC Tero Musicผมปรากฏตอนตัดถัดไปจาก น้องเกล ไทยแลนด์ก็อต โผล่พอดี
      ถ่ายเอ็มวี เพลง โน้ตที่ใช่ในวันที่ช้ำ The Ginkz ร่วมงานกับ บุคคลดังในโลกออนไลน์ สุดฮา แร็พเอก
 ก่อนหน้า คือ เอ็มวี ที่Cover หรือเลียนแบบ ศิลปิน หลายคน อาทิ แบล็คแจ็ค เจ เจตริน ธามไท กัมนัมสไตล์
พีเจ พลอยจันทร์ และอื่นๆ รวมถึงออกอีเว้นท์ ไปทำการแสดงที่งานของคณะ ที่มหาวิทยาลัย และสนามแบทเทิ้ลแดนซ์ เท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้น ผมยังมีออกคอนเสิร์ตงานๆหนึ่ง ซึ่งเป็นงานเฉพาะกลุ่มคนรักไมเคิ้ล แจ็คสัน โดยเฉพาะ

        คุณใช้หลักอะไรในการโค้ช และมีคนเข้ามาโค้ชเท่าไหร่แล้ว ???

     หลักการสำคัญทางศาสตร์การโค้ช ของโค้ชโจ เนื้อหาสำคัญในการให้คุณภาพชีวิต หรือสิ่งที่จะมอบให้เป็นความรู้ในการนำเสนอ ไม่ใช่แค่สอน หรือ เทรนเนอร์ เท่านั้น สิ่งนั้นคือ 4หัวใจในการสร้างตนในแบบที่ใช่ เพราะ ก่อนที่จะมีความรัก ก่อนที่จะปลุกตนเอง หรือลงมือทำ สิ่งที่ต้องไม่ละเลยคือ

        “คุณจะต้องรู้จักตนเองในคุณค่าจากด้านในเสียก่อน”

      หากยังไม่ผ่านตรงนั้น จะไม่มีวันเข้าใจเลยว่าหลักการที่จะทำให้ ชีวิตดี๊ดี มีตนตัวที่ใช่จริงๆ เป็นอย่างไรหนำซ้ำ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ จริงๆ อาจจะห่างไกล เท่าตัว เป็นอย่างมาก